ข้อควรรู้ก่อนเซ็นสัญญากับบริษัท รับสร้างบ้าน

การเซ็นสัญญากับบริษัท รับสร้างบ้าน ไม่ควรรีบร้อน ควรใช้เวลาในการพิจารณาและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหากจำเป็น เพื่อให้บ้านที่สร้างออกมาตรงตามความต้องการ มีคุณภาพดี และไม่มีปัญหาตามมาในภายหลัง การเตรียมความพร้อมในขั้นตอนนี้จะช่วยให้การสร้างบ้านเป็นไปอย่างราบรื่นและมั่นใจมากขึ้น ควรทำเมื่อมั่นใจว่าทุกเงื่อนไขเป็นไปตามที่ตกลงและไม่มีข้อกังวลใดๆ ควรเก็บสำเนาสัญญาไว้อย่างดีเพื่อใช้เป็นหลักฐานในกรณีเกิดข้อพิพาท และควรตรวจสอบด้วยว่าบริษัทมีใบอนุญาตหรือใบรับรองที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อสร้างความมั่นใจในความน่าเชื่อถือของผู้รับเหมา นอกจากนี้ ควรตรวจสอบว่าในสัญญามีการระบุรายละเอียดวัสดุที่จะใช้และมาตรฐานคุณภาพอย่างชัดเจน รวมถึงมีการระบุขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงงานหรือแก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถติดตามและควบคุมงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากมีข้อสงสัยควรถามบริษัทอย่างตรงไปตรงมาและขอคำชี้แจงให้ชัดเจน นี่คือข้อควรรู้ก่อนเซ็นสัญญากับ บริษัท รับเหมาก่อสร้าง ที่สำคัญควรตรวจสอบให้ดี เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง ข้อควรรู้ก่อนเซ็นสัญญากับบริษัท รับสร้างบ้าน มีดังนี้
ขอคำปรึกษาทางกฎหมายหรือผู้เชี่ยวชาญก่อนเซ็น

การขอคำปรึกษาทางกฎหมายหรือจากผู้เชี่ยวชาญก่อนเซ็นสัญญากับ บริษัท รับสร้างบ้าน เป็นเรื่องที่แนะนำอย่างยิ่ง เพราะสัญญาการก่อสร้างบ้านมักมีรายละเอียดและข้อกำหนดที่ซับซ้อน หากเราไม่เข้าใจหรือมองข้ามอาจเกิดปัญหาหรือข้อพิพาทในอนาคตได้ โดยผู้เชี่ยวชาญอย่างทนายความที่มีความรู้ด้านสัญญาหรือด้านอสังหาริมทรัพย์ สามารถช่วยตรวจสอบเงื่อนไขในสัญญาเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีข้อเสียเปรียบหรือเงื่อนไขที่ไม่เป็นธรรม นอกจากนี้ยังช่วยชี้แนะเรื่องสิทธิและหน้าที่ของทั้งสองฝ่าย รวมถึงวิธีการแก้ไขปัญหาหากเกิดกรณีที่ไม่คาดคิดขึ้น นอกจากทนายความแล้วบางครั้งอาจขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมหรือสถาปนิก เพื่อประเมินความเหมาะสมของงานก่อสร้างและวัสดุที่ระบุในสัญญา เพื่อให้มั่นใจว่าคุณภาพงานเป็นไปตามมาตรฐานและตรงกับความต้องการของ โดยหัวข้อต่อไปนี้คือคำแนะนำสำหรับการขอคำปรึกษามี 2 ข้อ ดังนี้
1. ป้องกันข้อผิดพลาดและความเสียหายในอนาคต
การป้องกันข้อผิดพลาดและความเสียหายในอนาคตเมื่อเซ็นสัญญากับบริษัท รับสร้างบ้าน ต้องเริ่มจากการตรวจสอบรายละเอียดในสัญญาอย่างรอบคอบ รวมถึงเงื่อนไขการก่อสร้าง ราคาค่าใช้จ่าย ระยะเวลา และวัสดุที่ใช้ให้ชัดเจน เพื่อป้องกันความคลาดเคลื่อนหรือความเข้าใจผิดที่อาจเกิดขึ้นระหว่างทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ ควรกำหนดขั้นตอนการตรวจรับงานและรับประกันงานในสัญญาให้ชัดเจน อย่างระยะเวลาการรับประกันหลังงานเสร็จ เพื่อให้สามารถติดตามและแก้ไขปัญหาได้ทันทีหากเกิดข้อบกพร่อง หรืองานไม่ได้มาตรฐานตามที่ตกลงไว้ สุดท้าย ควรเลือกบริษัทรับสร้างบ้านที่มีชื่อเสียงและได้รับการรับรองทางกฎหมาย อย่าง บริษัท ธนเสฏฐ์เจริญทรัพย์ จำกัด ที่ รับสร้างบ้าน ขอนแก่น เพื่อเพิ่มความมั่นใจว่าการก่อสร้างจะดำเนินไปตามมาตรฐาน ลดความเสี่ยงจากการถูกโกงหรือปัญหาที่ไม่คาดคิดในอนาคต
2. ให้คำแนะนำเรื่องเงื่อนไขต่างๆ
การกำหนดเงื่อนไขในสัญญากับ บริษัท รับสร้างบ้าน ถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยป้องกันความเข้าใจผิดและปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เริ่มต้นจากการระบุขอบเขตของงานก่อสร้างอย่างชัดเจน อย่างงานโครงสร้าง รวมถึงวัสดุที่ใช้ โดยควรแนบรายการวัสดุ (BOQ) และแบบแปลนบ้านประกอบไว้ในสัญญาด้วย เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายมีข้อมูลตรงกัน และสามารถตรวจสอบความคืบหน้าได้ตลอดระยะเวลาการก่อสร้าง เงื่อนไขการรับประกันและการยกเลิกสัญญาควรเขียนไว้อย่างรัดกุม เช่น รับประกันงานโครงสร้าง 5 ปี งานระบบไฟฟ้าหรือประปาอย่างน้อย 1หรือ2 ปี และควรกำหนดสิทธิ์ของเจ้าของบ้านในการยกเลิกสัญญาหากบริษัทไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข อาจจะล่าช้าเกินกำหนด หรือทำงานไม่ได้คุณภาพ การระบุรายละเอียดเหล่านี้ไว้อย่างครบถ้วนในสัญญาจะช่วยให้เจ้าของบ้านมีความมั่นใจ และลดความเสี่ยงจากปัญหาทางกฎหมายในอนาคตได้อย่างมาก
3. ช่วยแปลความหมายข้อกฎหมายที่ซับซ้อน
การแปลความหมายข้อกฎหมายที่ซับซ้อนเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเจ้าของบ้านหรือผู้ว่าจ้างที่กำลังจะเซ็นสัญญากับบริษัทรับสร้างบ้าน เพราะภาษากฎหมายมักใช้ถ้อยคำที่ทางเทคนิคหรือคลุมเครือ ซึ่งอาจทำให้ผู้ที่ไม่มีพื้นฐานด้านกฎหมายเกิดความสับสนหรือเข้าใจคลาดเคลื่อนได้ หากไม่เข้าใจเงื่อนไขบางข้อ อาจส่งผลให้เสียเปรียบในภายหลัง หรือไม่สามารถเรียกร้องสิทธิ์ได้ตามที่ควรจะเป็น ดังนั้น หากคุณได้รับร่างสัญญาที่มีข้อความทางกฎหมายที่อ่านแล้วไม่เข้าใจ การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือนำข้อความเหล่านั้นมาให้ผู้ที่มีความรู้ช่วยแปลความหมายจะช่วยให้คุณมั่นใจในการตัดสินใจ และสามารถปกป้องสิทธิของตนเองได้อย่างถูกต้องไม่เสียเปรียบและปลอดภัยในระยะยาว
ตรวจสอบใบอนุญาตและประสบการณ์ของบริษัท

การตรวจสอบใบอนุญาตและประสบการณ์ของบริษัทรับสร้างบ้านเป็นขั้นตอนที่ไม่ควรมองข้าม เพราะเป็นสิ่งที่บ่งชี้ถึงความน่าเชื่อถือ มาตรฐาน และความเป็นมืออาชีพของบริษัทที่คุณจะมอบหมายให้สร้างบ้านในฝันให้คุณ เริ่มต้นจากการตรวจสอบว่า บริษัทมีใบอนุญาตประกอบธุรกิจก่อสร้างหรือไม่ โดยใบอนุญาตเหล่านี้ควรออกโดยหน่วยงานราชการ ไม่ว่าจะเป็นกรมพัฒนาธุรกิจการค้า หรือองค์กรวิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม ที่สำคัญอย่าลืมตรวจสอบว่า บริษัทมีประกันภัยงานก่อสร้างหรือไม่ รวมถึงทีมงาน วิศวกรหรือสถาปนิกที่มีใบประกอบวิชาชีพจริง เพื่อให้มั่นใจว่างานก่อสร้างจะดำเนินไปอย่างปลอดภัย ถูกต้องตามมาตรฐาน และได้รับการควบคุมจากมืออาชีพ โดยสามารถสรุปแนวทางในการตรวจสอบได้ 3 ดังนี้
1. ตรวจสอบประวัติและผลงานที่ผ่านมา
การตรวจสอบประวัติและผลงานที่ผ่านมาเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญก่อนตัดสินใจเลือกบริษัท รับสร้างบ้าน เพราะจะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของความน่าเชื่อถือ คุณภาพงาน และประสบการณ์ของบริษัทนั้นๆ ว่ามีความสามารถตรงตามที่คุณต้องการหรือไม่ โดยสิ่งที่ควรเริ่มจากคือ การขอพอร์ตผลงาน ซึ่งอาจเป็นภาพถ่ายบ้านที่สร้างเสร็จ รายละเอียดโครงการ หรือแบบบ้านที่เคยออกแบบไว้ อีกหนึ่งวิธีที่ช่วยได้มากคือ การค้นหาข้อมูลบนโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ของบริษัท เฟซบุ๊ก หรือรีวิวใน Google Maps และ Pantip ที่ลูกค้ามักจะพูดถึงประสบการณ์ตรง หากพบว่ามีคำชมต่อเนื่องและตอบลูกค้าด้วยความรับผิดชอบ ก็นับเป็นสัญญาณที่ดี แต่ถ้าพบคำร้องเรียนซ้ำๆ เกี่ยวกับปัญหาเดิมๆ อย่างงานไม่เสร็จตามกำหนด หรือทิ้งงานกลางคัน ก็ควรพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ
- การขอพอร์ตผลงาน
- การขอพอร์ตผลงาน (Portfolio) จากบริษัทรับสร้างบ้านเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่ช่วยให้คุณประเมินคุณภาพและความเชี่ยวชาญของบริษัทได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยพอร์ตผลงานคือเอกสารหรือชุดข้อมูลที่รวบรวม ตัวอย่างบ้านที่บริษัทเคยสร้างจริง พร้อมรายละเอียดแบบแปลน ภาพถ่ายก่อน–หลังสร้าง วัสดุที่ใช้ และรีวิวจากลูกค้า ซึ่งจะช่วยให้คุณเห็นสไตล์งาน และมาตรฐานของบริษัทนั้นได้ชัดเจนมากขึ้น
2. เช็กว่าจดทะเบียนภาษีถูกต้องหรือไม่
เป็นเรื่องสำคัญมากเพราะสะท้อนถึงความน่าเชื่อถือและการดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ช่วยลดความเสี่ยงที่จะเจอกับบริษัทที่ไม่มีตัวตนจริง หรือเลี่ยงภาษี ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาทางกฎหมายหรือถูกทิ้งงานได้ในอนาคต โดยสามารถตรวจสอบเบื้องต้นได้ด้วยตัวเองผ่านเว็บไซต์ของ กรมสรรพากร หรือ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยใช้เลขทะเบียนนิติบุคคลหรือเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของบริษัท แล้วค้นหาข้อมูลสถานะการจดทะเบียน อย่างบริษัทมีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หรือไม่ และยังดำเนินกิจการอยู่หรือเปล่า หากบริษัทออกใบเสนอราคาหรือใบเสร็จให้คุณ ควรตรวจดูว่าในเอกสารระบุ เลขประจำตัวผู้เสียภาษี 13 หลัก หรือไม่ และตรงกับชื่อบริษัทที่จดทะเบียนไว้หรือไม่ หากมีข้อสงสัยหรือเลขภาษีไม่ตรงกัน ควรสอบถามโดยตรงกับบริษัท และสามารถนำเลขดังกล่าวไปตรวจสอบกับหน่วยงานรัฐเพื่อความมั่นใจ การใช้บริการบริษัทที่จดทะเบียนภาษีถูกต้อง จะช่วยให้คุณสามารถ ขอใบกำกับภาษีได้ ถูกต้องตามกฎหมาย และมีหลักฐานทางการเงินครบถ้วนในกรณีที่ต้องใช้ประกอบเอกสารขอกู้ธนาคาร หรือเพื่อดำเนินการทางภาษีในอนาคต
3. ตรวจสอบใบอนุญาตประกอบกิจการ
โดยปกติใบอนุญาตจะประกอบด้วยเอกสารสำคัญ หนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท และใบอนุญาตประกอบธุรกิจ รับเหมาก่อสร้าง ซึ่งสามารถขอสำเนาจากบริษัทโดยตรง และตรวจสอบข้อมูลเลขทะเบียนนิติบุคคลในเว็บไซต์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) เพื่อยืนยันสถานะการดำเนินกิจการว่าบริษัทยังคงเปิดให้บริการอยู่จริง ซึ่งการตรวจสอบใบอนุญาตประกอบกิจการของบริษัทรับสร้างบ้านเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยยืนยันความน่าเชื่อถือและความถูกต้องตามกฎหมายของบริษัท ก่อนตัดสินใจเลือกใช้บริการ เพราะใบอนุญาตนี้แสดงให้เห็นว่าบริษัทผ่านการรับรองจากหน่วยงานราชการและได้รับอนุญาตให้ดำเนินกิจการก่อสร้างอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ข้อควรรู้ในการตรวจรับบ้านก่อนเข้าอยู่

การตรวจรับบ้านกับ บริษัท รับเหมาก่อสร้าง ก่อนเข้าอยู่เป็นขั้นตอนที่สำคัญอย่างมาก เป็นการตรวจสอบความเรียบร้อย คุณภาพงาน และความถูกต้องตามสัญญาก่อนที่คุณจะจ่ายเงินงวดสุดท้าย ซึ่งเป็นการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต สุดท้าย อย่าจ่ายเงินงวดสุดท้ายจนกว่าคุณจะพอใจและตรวจสอบเรียบร้อยทั้งหมด เพราะการจ่ายเงินงวดสุดท้ายถือเป็นการปิดสัญญาและเป็นการยอมรับว่างานเสร็จสมบูรณ์แล้ว การตรวจรับบ้าน อย่างละเอียดและรอบคอบจึงเป็นการปกป้องสิทธิ์ของคุณและช่วยให้การเข้าอยู่บ้านใหม่เป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย
สรุป ข้อควรรู้ก่อนเซ็นสัญญากับบริษัท รับสร้างบ้าน
การตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับการประกันภัยงานก่อสร้างและการรับประกันบ้านหลังเสร็จ ว่าบริษัทมีการรับประกันงานในส่วนใดบ้าง และระยะเวลานานเท่าไร เพราะจะช่วยคุ้มครองคุณในกรณีที่เกิดความเสียหายหรือปัญหาหลังจากเข้าอยู่แล้ว รวมถึงตรวจสอบว่าบริษัทมีบริการหลังการขายหรือการดูแลลูกค้าอย่างไร เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับการช่วยเหลือเมื่อเกิดปัญหา สุดท้าย อย่าลืมว่าการเซ็นสัญญาคือการผูกมัดทางกฎหมาย ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการเซ็นสัญญาในขณะที่คุณยังมีข้อสงสัยหรือไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลครบถ้วน ใช้เวลาในการพิจารณาให้รอบคอบ และอย่าลังเลที่จะขอปรับแก้หรือเพิ่มเติมเงื่อนไขในสัญญาให้ตรงกับความต้องการของคุณ และนี่คือข้อควรรู้ก่อนเซ็นสัญญากับบริษัท รับสร้างบ้าน
FAQ เกี่ยวกับ ข้อควรรู้ก่อนเซ็นสัญญากับบริษัท รับสร้างบ้าน
หากไม่เข้าใจข้อกฎหมายในสัญญาควรทำอย่างไร?
แนะนำให้ขอคำปรึกษาจากทนายความหรือผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย เพื่อช่วยแปลและอธิบายเงื่อนไขต่างๆ ให้เข้าใจชัดเจนก่อนเซ็นสัญญา
ถ้างานก่อสร้างล่าช้าควรทำอย่างไร?
สัญญาควรกำหนดค่าปรับสำหรับความล่าช้าอย่างชัดเจน หากเกิดความล่าช้า เจ้าของบ้านมีสิทธิ์เรียกค่าปรับตามข้อตกลง หรือเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหากับบริษัท
การแบ่งจ่ายเงินควรทำอย่างไร?
ควรแบ่งจ่ายเป็นงวดตามความคืบหน้าของงาน อย่างเช่น งวดเริ่มต้น งวดกลาง และงวดสุดท้ายหลังตรวจรับงานเสร็จสมบูรณ์ ไม่ควรจ่ายเงินล่วงหน้ามากเกินไปเพื่อป้องกันความเสี่ยง