บริษัท ธนเสฏฐ์เจริญทรัพย์ จำกัด รับสร้างบ้านทั่วภาคอีสาน รับสร้างบ้าน รับเหมาก่อสร้าง ต่อเติมบ้าน ด้วยประสบการณ์และทีมงานมืออาชีพ คุณแจ๊ค Tel : 088-498-3399, 097-987-9361 Line : homeubon

ขั้นตอนที่ต้องรู้ ก่อนตัดสินใจเลือกบริษัทรับสร้างบ้าน

ขั้นตอนที่ต้องรู้ ก่อนตัดสินใจเลือกบริษัทรับสร้างบ้าน

บทความนี้จะพามาดูขั้นตอนที่ต้องรู้ ก่อนตัดสินใจเลือกบริษัทรับสร้างบ้าน ถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะส่งผลต่อคุณภาพบ้านและความพึงพอใจในระยะยาว หากคุณกำลังวางแผนสร้างบ้านใหม่ โดยตรวจสอบประวัติของบริษัทว่ามีผลงานสร้างบ้านมาก่อนหรือไม่ เปิดดำเนินการมากี่ปี และมีชื่อเสียงในวงการก่อสร้างอย่างไร ควรดูรีวิวจากลูกค้าเก่า หรือสอบถามจากคนรู้จักที่เคยใช้บริการ เพื่อประเมินความน่าเชื่อถือและความสามารถในการส่งมอบบ้านตามที่ตกลงไว้

เมื่อคุณได้ บริษัท รับสร้างบ้าน อุบลราชธานี ที่ต้องการแล้ว ก่อนเซ็นสัญญา ต้องอ่านรายละเอียดทุกข้ออย่างรอบคอบ ทั้งเรื่องงวดงาน งวดเงิน ระยะเวลาก่อสร้าง เงื่อนไขการเปลี่ยนแปลงแบบ หรือค่าปรับหากล่าช้า หากไม่มั่นใจควรปรึกษาทนาย หรือผู้มีประสบการณ์ด้านอสังหาริมทรัพย์ โดยมีขั้นตอนหลักๆที่ต้องรู้ ดังนี้

กำหนดงบประมาณและความต้องการ

ขั้นตอนแรกและสำคัญที่สุดก่อนเลือก บริษัท รับเหมาก่อสร้าง และเป็นพื้นฐานในการวางแผนทุกอย่างในกระบวนการก่อสร้าง เพราะจะช่วยให้การวางแผนชัดเจนและควบคุมค่าใช้จ่ายได้เหมาะสม เจ้าของบ้านควรเริ่มจากการประเมินกำลังการเงินของตนเอง รวมถึงเผื่อค่าดำเนินการอื่นๆ เช่น ค่าขออนุญาต ค่าตกแต่งภายใน หรือค่าใช้จ่ายฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้น เป็นขั้นตอนที่ต้องรู้ ก่อนตัดสินใจเลือกบริษัทรับสร้างบ้าน

นอกจากงบประมาณแล้ว ควรกำหนดความต้องการให้ชัดเจน เช่น จำนวนห้องนอน สไตล์บ้าน พื้นที่ใช้สอย หรือฟังก์ชันเฉพาะ เพื่อให้บริษัทสามารถออกแบบและเสนอราคาที่สอดคล้องกับความต้องการจริงของเรา การมีแบบแปลนหรือแนวทางเบื้องต้นไว้ในใจ จะช่วยให้การพูดคุยกับบริษัทเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยลดปัญหาการแก้ไขแบบบ่อยครั้งซึ่งสำคัญมากเพราะจะช่วยทำให้งบประมาณไม่บานปลาย โดยมี 2 ขั้นตอน ดังนี้

1. เลือกขนาดและสไตล์บ้านที่ต้องการ

เริ่มจากการพิจารณาจำนวนสมาชิกในครอบครัว ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน และการใช้พื้นที่ในชีวิตประจำวัน เช่น ต้องการกี่ห้องนอน ห้องน้ำกี่ห้อง มีพื้นที่นั่งเล่น ห้องทำงาน หรือห้องซักล้างหรือไม่ สำหรับสไตล์บ้าน ควรเลือกให้เหมาะกับทั้งความชอบส่วนตัวและสภาพแวดล้อม รวมถึงดูว่ามีความเหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศหรือไม่ด้วยเช่นกัน และสำคัญที่สุดคือการกำหนดขนาดและสไตล์ที่ชัดเจนตั้งแต่ต้น จะช่วยให้บริษัทรับสร้างบ้านสามารถวางแผน ออกแบบ และประเมินราคาก่อสร้างได้ตรงจุด ช่วยประหยัดเวลาได้มากอีกด้วย

2. วิเคราะห์ทำเลที่ดิน

เป็นขั้นตอนที่ไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่ง เพราะมีผลต่อความสะดวกในการอยู่อาศัย มูลค่าในอนาคต และต้นทุนการก่อสร้าง ควรเริ่มจากการตรวจสอบสิ่งแวดล้อมรอบที่ดิน รวมถึงระยะทางไปยังสถานที่สำคัญ เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล ตลาด หรือที่ทำงาน ว่าเหมาะสมและใช้เวลาในการเดินทางมากน้อยหรือไม่ เมื่อวิเคราะห์ทำเลอย่างรอบคอบแล้ว จะช่วยให้การออกแบบและก่อสร้างเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่เจอปัญหาในภายหลัง และยังช่วยเพิ่มความมั่นใจว่าบ้านที่สร้างขึ้นจะน่าอยู่และมีมูลค่าในอนาคตด้วยเช่นกัน

ค้นหาข้อมูลบริษัทรับสร้างบ้าน

รีวิวจากลูกค้า ราคาประเมิน หรือสอบถามเอกสารจริงคือการค้นหาข้อมูลก่อนที่คุณจะเลือกบริษัทที่ดีที่สุดในการเริ่มโครงการสร้างบ้านที่น่าอยู่ในอนาคต โดยเว็บไซต์ของบริษัทไม่ว่าจะเป็น เฟซบุ๊ก เพจรีวิวบ้าน หรือแพลตฟอร์มแนะนำผู้รับเหมาอย่าง Wongnai, Pantip, หรือ YouTube เพื่อดูผลงานที่ผ่านมา รีวิวจากลูกค้าจริง และการตอบสนองของบริษัทต่อคำถามหรือปัญหาที่เคยเกิดขึ้น

อีกสิ่งที่ควรตรวจสอบคือใบอนุญาตประกอบกิจการของบริษัท ทีมวิศวกรหรือสถาปนิกที่มีใบประกอบวิชาชีพ และประวัติการจดทะเบียนบริษัท เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นบริษัทที่ถูกต้องตามกฎหมาย มีความรับผิดชอบ และมีความพร้อมในการรับประกันผลงานระยะยาว ในสุดท้ายนี้แนะนำให้ลองนัดพบหรือพูดคุยกับตัวแทนของบริษัทโดยตรง เพื่อดูการให้บริการ การอธิบายข้อมูล และทัศนคติในการทำงาน หากบริษัทสามารถให้คำแนะนำที่ชัดเจน ตรงไปตรงมา และตอบคำถามได้อย่างมืออาชีพ ก็เป็นสัญญาณที่ดีว่าเป็นผู้รับเหมาที่น่าไว้วางใจในการสร้างบ้านในฝันของคุณ โดยพิจารณาตาม 2 หัวข้อหลักๆ ดังนี้

1. นัดพบกับบริษัทหรือเยี่ยมชมโครงการ

ก่อนตัดสินใจว่าควรเลือกใช้บริการบริษัท รับสร้างบ้าน รายใด โดยควรนัดหมายเพื่อพูดคุยรายละเอียดกับทีมงานของบริษัท เพื่อสอบถามเกี่ยวกับแบบบ้าน วัสดุ รายละเอียดสัญญา รวมถึงการดูแลหลังการขาย หากบริษัทสามารถอธิบายอย่างชัดเจนและให้คำแนะนำที่ตรงไปตรงมา แสดงถึงความน่าเชื่อถือ อย่าลืมสังเกตทัศนคติในการให้บริการของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นความสุภาพ ความใส่ใจในรายละเอียด และการตอบสนองต่อคำถาม หากบริษัทให้ความสำคัญกับลูกค้าและใส่ใจทุกขั้นตอน ย่อมเพิ่มความมั่นใจว่าคุณจะได้รับบ้านที่มีคุณภาพและบริการที่ดีตลอดกระบวนการสร้างบ้าน

2. นำข้อมูลเปรียบเทียบ

เมื่อคุณเลือกผู้รับเหมาที่เหมาะสมกับงบประมาณและความต้องการของคุณมากที่สุด โดยสิ่งแรกที่ควรพิจารณาคือประสบการณ์และผลงานที่ผ่านมา บริษัทที่มีประสบการณ์ยาวนานมักมีมาตรฐานการทำงานชัดเจน อีกจุดเปรียบเทียบสำคัญคือ งบประมาณและวัสดุที่ใช้ โดยบริษัทขนาดเล็กบางรายอาจเสนอราคาที่ต่ำกว่า แต่ต้องตรวจสอบวัสดุ รายละเอียดสัญญา และความโปร่งใสในการทำงานอย่างละเอียดด้วยเช่นกัน

 

เปรียบเทียบแบบบ้านและเงื่อนไขสัญญา

เนื่องจากแต่ละบริษัทจะมีสไตล์การออกแบบและรูปแบบบ้านที่แตกต่างกันไป บางบริษัทเน้นบ้านสไตล์โมเดิร์นที่ทันสมัยและเน้นฟังก์ชันการใช้งาน ในขณะที่บางแห่งอาจมีแบบบ้านที่เน้นความคลาสสิกหรือบ้านทรงไทยประยุกต์ ซึ่งการเลือกแบบบ้านที่ตรงกับความชอบและไลฟ์สไตล์จะช่วยให้คุณอยู่บ้านได้อย่างมีความสุขและสะดวกสบายในระยะยาว ควรตรวจสอบข้อกำหนดเกี่ยวกับการแก้ไขแบบบ้านหรือเพิ่มส่วนต่าง ๆ ระหว่างการก่อสร้าง เช่น ค่าปรับ หรือค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เพื่อให้เข้าใจขอบเขตของงานอย่างชัดเจน ส่วนเรื่องเงื่อนไขสัญญา ก็เป็นอีกประเด็นที่ต้องพิจารณาอย่างละเอียด เพราะสัญญาจะเป็นข้อผูกมัดทางกฎหมายระหว่างเจ้าของบ้านกับบริษัท รับสร้างบ้าน บริษัทที่มีสัญญาชัดเจนจะระบุรายละเอียดทุกขั้นตอน ทั้งราคาก่อสร้าง รายการวัสดุ ระยะเวลาส่งมอบงาน และเงื่อนไขการชำระเงิน

1. อย่าลืมให้บริษัทรับสร้างบ้านชี้แจงรายละเอียดและตอบคำถามให้ชัดเจนก่อนเซ็นสัญญา

อย่ากลัวที่จะขอเวลาอ่านสัญญาอย่างละเอียดจาก บริษัท รับสร้างบ้าน หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนลงนาม เพราะการเซ็นสัญญาคือการผูกมัดทางกฎหมายที่มีผลระยะยาว การทำความเข้าใจอย่างละเอียดจะช่วยปกป้องสิทธิ์และประโยชน์ของคุณในฐานะเจ้าของบ้าน ถ้าบริษัทไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจน หรือไม่ยินดีเปิดเผยข้อมูลสำคัญ อาจเป็นสัญญาณเตือนไปสู่การทำให้คุณพิจารณาเปลี่ยนไปเลือกบริษัทอื่นที่น่าเชื่อถือและพร้อมให้บริการอย่างจริงใจมากกว่า

2. ตรวจสอบวัสดุและมาตรฐานการก่อสร้างให้ละเอียด

การขอรายงานหรือบันทึกการตรวจสอบคุณภาพงานก่อสร้าง (Quality Control Report) จากบริษัทก็เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยสร้างความมั่นใจ รวมถึงการนัดหมายให้ผู้เชี่ยวชาญภายนอก เช่น วิศวกรอิสระ มาตรวจสอบงานตามระยะเวลาที่กำหนดได้ และอย่าลืมติดตามความคืบหน้าของงานอย่างใกล้ชิด และสอบถามบริษัทเมื่อพบปัญหาหรือข้อสงสัย เพื่อให้การก่อสร้างเป็นไปตามมาตรฐานที่ตกลงกันไว้ และบ้านที่ได้มีคุณภาพแข็งแรงตามที่คุณคาดหวัง

ธนเสฎฐ์เจริญทรัพย์ บริษัทรับสร้างบ้าน ที่ชาวอีสานวางใจ

บริษัท ธนเสฎฐ์เจริญทรัพย์ จำกัด โดย บริษัท รับสร้างบ้าน ขอนแก่น นอกจากจะมีการรับคำปรึกษาออกแบบบ้านให้ฟรีแล้ว ยังมีการรับประกันโครงสร้างบ้านในระยะยาว เช่น 5 ปี หรือ 20 ปี ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขในสัญญา ซึ่งหากเกิดปัญหาที่เกี่ยวกับโครงสร้างหรือวัสดุที่ใช้ บริษัทจะรับผิดชอบซ่อมแซมโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อให้บ้านของลูกค้ามีความแข็งแรงและปลอดภัยในระยะยาว มีการดูแลหลังการขายดีมักมีช่องทางติดต่อที่สะดวกและรวดเร็ว เช่น เบอร์โทรศัพท์ ไลน์ หรือแอปพลิเคชัน เพื่อให้ลูกค้าสามารถแจ้งปัญหา หรือติดต่อขอคำปรึกษาได้ทันที นี่คือสิ่งที่ช่วยสร้างความมั่นใจและความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างลูกค้าและบริษัท ในเรื่องบริการหลังการขาย บริษัท ธนเสฎฐ์เจริญทรัพย์ จำกัด ยังมีทีมช่างเฉพาะที่คอยให้คำแนะนำหรือช่วยแก้ไขปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เช่น การเปลี่ยนหลอดไฟ ซ่อมบานพับประตู หรือซ่อมระบบประปาเบื้องต้น ทำให้ลูกค้าไม่ต้องกังวลหากพบปัญหาในช่วงแรกของการอยู่อาศัย

สรุป ขั้นตอนที่ต้องรู้ ก่อนตัดสินใจเลือกบริษัทรับสร้างบ้าน

สุดท้ายนี้ควรวิเคราะห์ทำเลที่ดินอย่างละเอียด ตรวจสอบความสะดวกสบายในการเดินทาง ระบบสาธารณูปโภค ความปลอดภัย รวมถึงข้อจำกัดทางกฎหมายหรือผังเมืองที่อาจมีผลต่อการก่อสร้าง เพื่อให้การสร้างบ้านเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่เกิดปัญหาในอนาคต การค้นหาข้อมูลและเปรียบเทียบ บริษัทรับสร้างบ้าน จากแหล่งข้อมูลต่างๆ เช่น รีวิวผลงาน ความน่าเชื่อถือ การบริการหลังการขาย และเงื่อนไขในสัญญา เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทที่เลือกมีคุณภาพ มีมาตรฐาน และตอบโจทย์ความต้องการของคุณมากที่สุดก่อนตัดสินใจเซ็นสัญญาก่อสร้าง นี่คือขั้นตอนที่ต้องรู้ ก่อนตัดสินใจเลือกบริษัทรับสร้างบ้าน สนใจติดต่อ บริษัท ธนเสฎฐ์เจริญทรัพย์ จำกัด

FAQ เกี่ยวกับ ขั้นตอนที่ต้องรู้ ก่อนตัดสินใจเลือกบริษัทรับสร้างบ้าน

ควรอ่านและทำความเข้าใจรายละเอียดเกี่ยวกับราคา ระยะเวลาการก่อสร้าง รายการวัสดุ เงื่อนไขการชำระเงิน การรับประกันงาน และข้อกำหนดเกี่ยวกับการแก้ไขแบบบ้าน เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต

เลือกแบบบ้านที่เหมาะสมกับขนาดที่ดิน ไลฟ์สไตล์ และความต้องการของครอบครัว รวมถึงพิจารณางบประมาณโดยรวม ให้สอดคล้องกับวัสดุและฟังก์ชันการใช้งาน เพื่อประหยัดและไม่เกินงบประมาณที่ตั้งไว้

เริ่มจากประเมินงบประมาณรวมทั้งหมดที่มี รวมค่าก่อสร้าง ค่าที่ดิน ค่าขออนุญาต และค่าตกแต่งภายใน เผื่อค่าใช้จ่ายฉุกเฉินอย่างน้อย 10-15% ของงบประมาณทั้งหมด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาทางการเงินระหว่างการก่อสร้าง

One Comment

Comments are closed.